อีกหนึ่งปัญหาสำคัญสำหรับใครที่มีบ้าน หรือกำลังจะสร้างบ้านพบเจอบ่อย ๆ คือเรื่องของการซ่อมแซมดูแลบ้าน โดยเฉพาะเรื่องของการทาสีบ้าน เพราะทุกขั้นตอนของการทาสี ถ้าไม่ใส่ใจอย่างละเอียดให้ดี ก็จะส่งผลต่อเรื่องปัญหาสีกวนใจได้
แต่สำหรับคนที่กำลังจะทาสีบ้าน และไม่รู้ว่าควรจะเริ่มอย่างไร ทั้งเลือกของการเลือกสี ปริมาณของสีที่ใช้ และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่งการทาสามารถทาสีบ้านนั้นเราสามารถเริ่มต้นทาได้ด้วยตนเอง หรือเรียกใช้บริการจากช่างที่มีความชำนาญได้เช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งสำหรับคนที่ต้องรู้คือการ คำนวณสีทาบ้าน เพื่อให้รู้ปริมาณสีที่ต้องซื้ออย่างแน่ชัด เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและป้องกันไม่ให้สิ้นเปลืองซื้อสีทาเกินนั่นเอง โดยในบทความนี้จะพาไปดูวิธีคำนวณสีทาบ้าน พื้นที่เท่านี้ ต้องใช้สีเท่าไหร่?
ค่าใช้จ่ายในการทาสีบ้าน มีอะไรบ้าง?
การเริ่มทาสีบ้านนั้น มีค่าใช้จ่ายอีกมากมายที่ตามมา โดยอันดับแรกเราต้องรู้ก่อนว่างบประมาณเริ่มต้นโดยรวมของเรานั้นมีเท่าไหร่ เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณนั่นเอง โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าทาสีถูกหรือแพงนั้น จะขึ้นอยู่กับ 2 สิ่ง ได้แก่ ค่าสีทาบ้าน และ ค่าจ้างช่างทาสี
1. ค่าสีทาบ้าน
ค่าสีทาบ้านนั้น เป็นสิ่งแรกที่เราจ้องคำนวณไม่ว่าจะเป็นการทาสีเอง หรือจ้างช่างทาสี เพราะนอกจากเราจะต้องคำนวณค่าใช้จ่ายตามพื้นที่บริเวณบ้านของเราแล้ว เรายังต้องคำนึงถึงคุณสมบัติ และสีว่าเราจะใช้สีอะไรในการทาบ้านนั่นเอง
แนะนำสีทาบ้านของสีกัปตัน
สีน้ำมาร์ค ภายนอกและภายในด้าน ผลิตจากผงสีชั้นเยี่ยม ทาง่ายได้พื้นที่มาก ฟิล์มสีสวย ทนทานตลอดอายุการใช้งาน ให้การยึดเกาะพื้นผิวแน่น ไม่ลอกล่อน ประหยัดคุ้มค่า คุ้มราคา มีสีให้เลือกมากทั้งสีทาภายนอกและสีทาภายใน ป้องกันด่างของปูน ต่อต้านเชื้อราได้ดี ปราศจากตะกั่วและสารปรอทจึงปลอดภัยสำหรับผู้ใช้และผู้อาศัย
สีน้ำลองไลฟ์ คูลแม็กซ์ ภายนอกและภายในด้าน ลองไลฟ์ คูลแม็กซ์ ที่มีสารซุปเปอร์ไทเทเนียม (Super Titanium) ซึ่งทำให้ฟิล์มสีมีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ยึดเกาะและเรียงตัวกันแน่นหนา ผสมผสานกับกาวอะคริลิกแท้ 100% ทำให้ทนทานต่อรังสียูวีเอ ยูวีบี และยูวีซี และสะท้อนรังสีความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้สูงถึง 95% พร้อมด้วยผงสีคุณภาพสูงจากเยอรมัน ทำให้บ้านเย็น ประหยัดไฟ ทนทานยาวนาน
แนะนำสีทาบ้านสำหรับรองพื้นของสีกัปตัน
สีรองพื้นปูนใหม่กันด่าง สตูดิโอ ชิลด์ สีรองพื้นปูนใหม่กันด่าง เกรดพรีเมี่ยม พร้อมด้วย Microsphere Technology ช่วยให้เนื้อสีเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ แน่น ทนต่อความเป็นด่างเกลือ จากผนังปูนได้อย่างดีเยี่ยม ยึดเกาะพื้นผิวได้ดี กลิ่นอ่อน พร้อมสารป้องกันเชื้อราและตะไคร่น้ำ มีคุณสมบัติทนทานต่อความเป็นด่าง เกลือ จากผนังปูนได้อย่างดีเยี่ยม มีการยึดเกาะดีเยี่ยม ฟิล์มสีไม่ลอกล่อน สามารถช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราและตะไคร่น้ำบนฟิล์มสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปราศจากสารระเหยที่เป็นพิษ มีกลิ่นอ่อน และไม่มีส่วนผสมของสารตะกั่วและสารปรอท
2. ค่าจ้างช่างทาสีบ้าน
การจ้างช่างทาสีบ้าน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการทาสีบ้านใหม่ เพราะว่าช่างรับเหมาทาสีจะคำนวนค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อย ทำให้เราไม่ต้องมาคำนวณเอง โดยค่าแรงทาสีส่วนใหญ่จะคิดตามพื้นที่การทาสี รวมไปถึงค่าสำรวจพื้นที่ ค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ และค่าผลิตภัณฑ์สี ซึ่งในปัจจุบันบริษัทรับจ้างทาสีส่วนใหญ่จะมีการจ่ายเป็นแพ็คเกจมาให้เลย ทำให้ง่ายต่อการคำนวณนั่นเอง
วิธีคำนวณพื้นที่ทาสี
วิธีการคำนวณพื้นที่ที่เราจะทาสี จะแบ่งเป็นวัดพื้นที่ผนังภายนอกและภายใน ซึ่งจำเป็นที่เจ้าของบ้านต้องรู้และทราบตัวเลขที่แน่ชัดก่อนไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สีนั่นเอง โดยเราจะใช้วิธีคำนวณดังนี้
การคำนวณพื้นที่ปริมาณการใช้สีสิ่งที่เราจะต้องรู้มีดังนี้
1. คำนวณพื้นที่ผนังแต่ละด้านที่ต้องการทาสี
2. หาพื้นที่ของประตู และ หน้าต่าง
3. ประเภทของสีที่ต้องการทา
4. นำปริมาณพื้นที่ที่ได้มาคูณด้วยจำนวนรอบที่จะทา
5. ราคาที่ต้องใช้จ่ายทั้งหมด
1. คำนวณพื้นที่ผนังแต่ละด้านที่ต้องการทาสี
คำนวณพื้นที่ผนังแต่ละด้านที่ต้องการทาสี โดยการวัดขนาดห้อง แล้วคำนวณหาพื้นที่ จากนั้นก็นำพื้นที่ทั้ง 4 ด้าน มารวมกัน เช่น
ห้องขนาดความกว้าง 5 เมตร ขนาดความยาว 7 เมตร ขนาดความสูง 2.6 เมตร
คิดเป็น 2 (5 + 7) x 2.6 = 62.4 ตารางเมตร
2. หาพื้นที่ของประตู และ หน้าต่าง
การหาพื้นที่ของหน้าต่าง และประตูให้เราวัดความกว้างและความสูงของหน้าต่าง และประตูแต่ละบาน นำผลลัพธ์มารวมกัน และนำไปลบกับขนาดห้อง เช่น
ประตูกว้าง 1.2 x สูง 2.2 = 2.64 ตารางเมตร
หน้าต่างกว้าง 2.0 x สูง 0.8 = 1.6 ตารางเมตร
ขนาดห้องทั้งหมด 62.4 – ขนาดของหน้าต่างและประตู 4.24 = 58.16 ตารางเมตร
3. ประเภทของสีที่ต้องการทา
โดยทั่วไปชนิดสีทับหน้าที่นิยมใช้ทาผนังปูนภายนอก หรือภายในจะเป็นกลุ่มสีน้ำอะคริลิก ข้อดีของสีประเภทนี้คือแห้งเร็ว กลิ่นอ่อน และทนทานต่อสภาวะแวดล้อมต่างๆ ได้ดี ซึ่งปกติเราจะแบ่งสีตามเกรดการใช้งาน ยิ่งเกรดสูงยิ่งทนทานได้นาน มีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ เพิ่มเข้ามา และมีราคาสูง
- สีน้ำเฟรชชี่คลีน ชาร์โคลคลีน ภายในด้าน เป็นสีเกรดสูงสุด มีความทนทานระดับ 15 ปี ราคาเริ่มต้น 700 บาท*
- สีทาบ้านเกรดพรีเมียม สีน้ำกัปตันสตูดิโอชิลด์ ภายนอกและภายในด้าน มีความทนทานระดับ 12 ปี ราคาเริ่มต้น 670 บาท*
- สีน้ำเวลเท็ค ภายนอกและภายในกึ่งเงา มีความทนทานระดับ 7 – 9 ปี ราคาเริ่มต้น 200 บาท ต่อแกลลอน (ขึ้นอยู่กับเฉดสี)*
*ราคาเฉลี่ยโดยประมาณของสีทาบ้านเกรดต่างๆ ขนาด 1 แกลลอน (ไม่รวมค่าผสมสี) ราคาอาจจะแตกต่างกันไปตามรุ่นผลิตภัณฑ์ และร้านค้าตัวแทนจำหน่าย
ในส่วนของ สีรองพื้นและผลิตภัณฑ์ซ่อมแซมพื้นผิว เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้สีทับหน้า เพราะไม่ว่าจะเป็นบ้านใหม่หรือบ้านเก่า ก็จำเป็นต้องเตรียมพื้นผิว ซ่อมแซมพื้นผิวที่มีปัญหาก่อนทาสี และทาสีรองพื้นตาม ตามระบบก่อนเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาสีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และช่วยให้สีทับหน้าติดแน่นทนนานมากกว่าเดิม
- สีรองพื้นปูนเก่า กัปตัน รีเพ้นท์ ราคาเริ่มต้น 538 บาท*
- รองพื้นปูนใหม่ ลองไลฟ์ ราคาเริ่มต้น 538 บาท*
*ราคาเฉลี่ยโดยประมาณของสีทาบ้านเกรดต่างๆ ขนาด 1 แกลลอน (ไม่รวมค่าผสมสี) ราคาอาจจะแตกต่างกันไปตามรุ่นผลิตภัณฑ์ และร้านค้าตัวแทนจำหน่าย
หลังจากได้จำนวนแกลลอนก็เอาไปคูณกับราคาสีทับหน้า และสีรองพื้น ก็จะได้ราคาเฉพาะค่าผลิตภัณฑ์สีที่ต้องการ หรือถ้ามีผลิตภัณฑ์ซ่อมแซมพื้นผิวก็เอาไปบวกเพิ่มด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ สีแต่ละรุ่นอาจจะมีการรองรับพื้นที่ไม่เท่ากัน และสีที่มีเฉดแตกต่างกันอาจจะมีราคาไม่เท่ากัน ดังนั้นสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้ราคาสีถูกลง หรือแพงขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
4. นำปริมาณพื้นที่ที่ได้มาคูณด้วยจำนวนรอบที่จะทา
เมื่อได้จำนวนพื้นที่ที่ต้องทาสีแล้ว ให้นำค่าที่ได้มาคำนวณหาปริมาณของสีที่ต้องใช้ดังนี้
พื้นที่บ้านของเรา ÷ พื้นที่ใช้งานต่อตารางเมตรของสี (ระบุไว้ข้างบรรจุภัณฑ์)
ตัวอย่างเช่น
เราจะเลือกใช้สีขนาด 1 แกลลอน (3.785 ลิตร) โดยมีพื้นที่ใช้งาน 9 ตรม./เที่ยว
ขนาดโดยรวมทั้งหมด 58.16 ÷ พื้นที่ใช้งานต่อเที่ยว 9 = 6.46 ลิตร
แปลงลิตร เป็นแกลอน = 6.46 / 3.785 = 1.7
เท่ากับว่า ต้องใช้สี 1.7 แกลอน ต่อการทา 1 เที่ยวนั่นเอง
หลังจากได้ปริมาณของสีที่ต้องใช้ทาบ้านแล้วให้นำตัวเลขมาเปรียบเทียบกับขนาดของสีที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งตามกรณีตัวอย่างนี้จะพบว่า ต้องใช้สีรองพื้นขนาด 2 แกลลอน/ ทา 1 เที่ยว และใช้สีทับหน้า 4 แกลลอน / ทา 2 เที่ยว
ทั้งนี้อย่าลืมว่า การทาสีให้ได้คุณภาพนั้น จะต้องทาด้วยกันทั้งหมด 3 รอบ คือทาสีรองพื้น 1 รอบ และทาสีทับหน้าจริงอีก 2 รอบเพื่อให้เนื้อสีติดแน่นทนนาน
5. ราคาที่ต้องใช้จ่ายทั้งหมด
ถ้าคิดตามสูตรดังกล่าว สี 1 แกลลอนจะทาได้พื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตร โดยเราจะยกตัวอย่างบ้านหลังหนึ่งคำนวณพื้นที่ผนังทาสีภายนอกทั้งหมด เท่ากับ 300 ตารางเมตร ดังนั้นพื้นที่ 300 ตารางเมตร เราจะต้องใช้สีรองพื้นทั้งสิ้น 10 แกลลอน
ซึ่งถ้าสมมุติว่าจะทาสีทับหน้า 2 เที่ยว ก็จะใช้สีทาภายนอกทั้งสิน 20 แกลลอน นั่นเอง สำหรับการคำนวณปริมาณสีทาภายในก็ใช้หลักการเดียวกันได้เช่นกัน โดยหากเราใช้สีทับหน้าเกรดสูงสุดทั้งหมด 20 แกลอน ราคาแกลอนละ 700 บาท และใช้รองพื้นทั้งหมด 20 แกลอน ราคาแกลอนละ 538 บาท ก็จะสามารถคำนวณได้ดังนี้
สีทับหน้าราคา 700 x ใช้ทั้งหมด 20 = 14,000 บาท
สีรองพื้นราคา 538 x ใช้ทั้งหมด 20 แกลอน = 10,760 บาท
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของสีทับหน้า 14,000 บาท + ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของสีรองพื้น 10,760 บาท = 24,760 บาท
สรุปได้ว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการซื้อผลิตภัณฑ์สี เพื่อใช้ทาสีบ้านพื้นที่ 300 ตารางเมตร จะตกอยู่ที่ประมาณ 24,760 บาท ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้สำหรับทาสีเช่นกัน
ค่าใช้จ่ายหากต้องการจ้างช่างทาสี
กรณีที่ไม่ได้มีคนงาน หรือไม่ต้องการจะทาสีเอง การจ้างช่างทาสี คือทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากทางช่างหรือบริษัทเราเหมาทาสี จะทำการประเมินค่าใช้จ่ายมาให้เลย ทำให้เราทราบได้ทันทีว่าเราจะต้องจ่ายเงินทั้งหมดเท่าไหร่ ไม่ต้องมานั่งคำนวณขนาดห้อง ซื้อสีเองขาดๆ เกินๆ ส่วนใหญ่ช่างจะคิดตามพื้นที่การทาสี จากที่สำรวจล่าสุดปี 2565 ราคาค่าแรงทาสีจะอยู่ที่ประมาณ 50 – 180 บาท/ตารางเมตร ซึ่งจะมีทั้งที่เป็นเฉพาะค่าแรงเท่านั้นไม่รวมค่าสี
แต่ปัจจุบันก็จะมีหลาย ๆ บริษัทก็คิดบริการทาสีแบบเหมาพื้นที่เป็นแพ็กเกจ รวมค่าบริการ ค่าสำรวจหน้างาน ค่าอุปกรณ์ และค่าผลิตภัณฑ์สีมาให้เลย เพียงแค่บอกเค้าว่าต้องการจะทาสีห้องพื้นที่ขนาดเท่าไหร่
- ราคาแพ็คเกจแบบเหมาบริการทาสีภายใน เริ่มต้นที่ 11,900 บาท*
- ราคาแพ็คเกจแบบเหมาบริการทาสีภายนอก เริ่มต้นที่ 15,900 บาท**
*ราคาโดยประมาณพื้นที่ขั้นต่ำ 10 ตารางเมตรเป็นต้นไป **ราคาโดยประมาณพื้นที่บ้านหน้ากว้าง 5 ตารางเมตรเป็นต้นไป
นอกจากนี้หากใช้บริการรับเหมาทาสีอาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าสำรวจหน้างานประเมินพื้นที่ก่อนทาสี หรือ กรณีทาสีภายนอก อาจจะมีค่าบริการตั้งนั่งร้านด้วย ซึ่งค่าตั้งนั่งร้านก็จะเริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 บาท
สุดท้ายและท้ายที่สุดเมื่อคำนวณออกมาจนได้ค่าสี กับค่าช่างเรียบร้อย ก็นำทั้งสองมารวมกัน ก็จะได้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั่นเอง อย่างไรก็ตามถ้าลองคำนวณแล้วเกินงบประมาณที่ตั้งไว้ อาจจะลองแจ้งกับช่างสีให้ลดเกรดของสีลงมาก็ได้เช่นเดียวกัน
การคำนวณสีทาบ้านทำให้สามารถเตรียมค่าใช้จ่ายได้อย่างแม่นยำ
การคำนวณสีทาบ้านจะทำให้เราลดเวลา และค่าใช้จ่ายไปได้อย่างมาก เพราะเราไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อสีทาบ้านมาเผื่อพื้นที่ หรือในกรณีที่สีทาบ้านไม่พออาจทำให้เราต้องเสียเวลาในการไปซื้อสีทาบ้านเพิ่มอีกนั่นเอง เพราะฉะนั้นในการทาสีบ้าน เจ้าของบ้านจำเป็นที่จะต้องรู้พื้นที่บริเวณบ้านของตนเองให้แน่ชัด เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดได้นั่นเอง
แน่นอนว่าการคำนวนพื่้นที่บริเวณบ้านอย่างแม่นยำจะช่วยให้เราประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายได้ แต่ผลิตภัณฑ์สีทาบ้านก็สำคัญเช่นกัน โดยเราขอแนะนำผลิตภัณฑ์จาก สีกัปตัน ที่มีคุณสมบัติกันแดด และฝน รวมไปถึงทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายแล้ว ทำให้ช่วยยืดอายุการใช้งานบ้านของเราได้อีกนาน
ปรึกษาปัญหาสี
Facebook: Captain Coating
Line: Captain Coating