ห้องนอน ถือเป็นสถานที่พักผ่อนและหลีกหนีจากความวุ่นวายภายนอก ซึ่งเมื่อทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้ว จะช่วยปลดปล่อยความเหนื่อยล้า ความเครียด และสิ่งต่างๆ เพื่อให้ร่างกายได้ชาร์จพลังงานจากการนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม
ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพดีขึ้น นั่นคือ การออกแบบตกแต่งห้องนอน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโทนสี เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะช่วยสร้างบรรยากาศให้การพักผ่อนของคุณเป็นไปอย่างมีความสุข
บทความนี้มาดูกันว่าวิธีการเลือกโทนสีสำหรับห้องนอนต้องดูอะไรบ้าง พร้อมสิ่งที่ควรระวังในการเลือกโทนสีสำหรับห้องนอน เพื่อให้ห้องนอนเป็นห้องที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนมากที่สุด
โทนสีที่เหมาะกับห้องนอน มีโทนสีอะไรบ้าง?
โทนสีแต่ละโทน สามารถสร้างบรรยากาศให้กับห้องนอนได้แตกต่างกัน
- สีโทนอุ่น สามารถกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกกระตือรือร้น เมื่อตื่นเช้ามาแล้ว ได้รับพลังงานที่ดี และพร้อมต่อการออกไปใช้ชีวิต
- สีโทนเย็น ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายได้ดี ทำให้บรรยากาศของห้องนอนดูสบาย เหมาะกับการพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่ม
จริงๆ แล้วโทนสีสำหรับห้องนอน ไม่ว่าจะเป็นสีโทนร้อนหรือสีโทนเย็น ต่างก็มีเฉดสีที่อ่อนลงมาให้เลือกใช้ ซึ่งเฉดสีที่อ่อนนี้จะมอบความนุ่มนวลสายตาเมื่อมองดู ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่แสงไฟตกกระทบในเวลากลางคืน หรือช่วงที่ถูกแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในยามเช้า
ดังนั้น ในการเลือกใช้สีสำหรับห้องนอนจึงไม่มีความถูกหรือผิด ว่าต้องเป็นสีโทนไหน ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ที่อยู่อาศัย แต่สีที่เลือกใช้ควรมอบความรู้สึกที่ผ่อนคลาย สร้างบรรยากาศที่สงบ เพื่อให้พร้อมต่อการพักผ่อนอย่างเต็มที่
5 เทคนิคในการเลือกโทนสีให้ห้องนอนสวย น่าพักผ่อน
สำหรับใครที่อยากให้โทนสีห้องนอนออกมาให้สวย น่าพักผ่อน มาดูกันว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง ที่จะช่วยให้คุณคัดเลือกโทนสีห้องนอนที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
1. เลือกโทนสีห้องนอนตามสไตล์ที่คุณชอบ
แน่นอนว่าห้องนอนของคุณ โทนสีที่เลือกใช้ก็ควรมาจากสีที่คุณชื่นชอบก่อน โดยให้คุณนำเอาโทนสีที่ชอบออกมาเรียงกันดู และคัดเลือกดูว่ามีโทนสีไหนบ้างที่เหมาะกับการนำมาใช้ในห้องนอน
หรือถ้ามีสีที่ชอบในใจอยู่แล้ว ก็ให้ลองปรับเฉดสีให้มีความอ่อนลง-เข้มขึ้น เพื่อเลือกดูว่ามีสีไหนที่ถูกใจ และต้องการนำมาใช้ทาสีห้องนอนมากที่สุด
2. เลือกใช้โทนสีกลาง โทนสีเรียบง่าย แต่ไม่น่าเบื่อ
สีที่เป็นโทนสีกลาง ถือว่าเป็นโทนสีที่ไม่ยุ่งยากในการเลือกใช้ และสามารถสร้างบรรยากาศของการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น
- สีงาช้าง (Ivory) ที่เป็นเฉดสีขาวไปทางเฉดสีเหลืองอ่อน ทำให้รู้สึกนุ่มนวลสายตา
- สีน้ำตาลอมเทา (Taupe) เป็นเฉดสีที่ให้ความรู้สึกเรียบหรู ดูสุภาพ และสะอาดตา
- สีเทา (Grey) เป็นเฉดสีที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย เงียบสงบ
- สีขาว (White) เป็นเฉดสีที่ให้ความรู้สึกสะอาด เป็นระเบียบ โปร่งสบาย
ซึ่งการเลือกใช้โทนสีกลางเป็นสีหลัก จะช่วยให้คุณเลือกสีของเครื่องนอน เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน รวมถึงของตกแต่งต่างๆ ได้ง่าย ไม่ต้องกังวลว่าสีเหล่านี้จะดึงความสนใจจนทำให้ของต่างๆ ภายในห้องดูไม่โดดเด่น
3. โทนสีพาสเทล เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนชอบสีสัน
สำหรับใครที่ไม่อยากให้ห้องนอนดูน่าเบื่อ และเป็นคนที่ชอบสีสันสดใส การเลือกใช้โทนสีพาสเทลเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับห้องนอน
เพราะสีพาสเทล คือ เฉดสีที่ถูกผสมด้วยสีขาวจนทำให้สีนั้นดูอ่อนลง เมื่อนำมาใช้กับห้องนอนจะทำให้ดูสบายตาและมอบความรู้สึกผ่อนคลายได้มากขึ้น เช่น สีฟ้าพาสเทล สีม่วงลาเวนเดอร์ สีเขียวพาสเทล สีเหลืองอ่อน สีชมพูพาสเทล เป็นต้น
4. สีโทนเข้มก็สามารถใช้กับห้องนอนได้
สำหรับใครที่ต้องการห้องนอนที่มีความเท่ เข้มขรึม และสร้างบรรกาศที่ดูสงบเงียบ สีโทนเข้มก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เช่น สีเขียวขี้ม้า สีม่วงเข้ม สีกรมท่า สีเทาเข้ม เป็นต้น
สำหรับการเลือกใช้สีโทนเข้มในห้องนอน จะต้องเลือกใช้ในปริมาณที่พอดี ไม่ใช้ไปจนเต็มบริเวณ เพราะอาจจะทำให้ห้องนอนมีบรรยากาศที่ตึงเครียด หรือหดหู่มากเกินไป จึงควรเลือกใช้ควบคู่ไปกับสีโทนกลางอย่างสีขาวหรือสีครีม เพื่อมาเป็นสีที่ช่วยตัดความเข้มของสีลง และทำให้บรรยากาศของห้องนอนโดยรวมดูสบายตายิ่งขึ้น
5. ห้องนอนเล็ก มีโทนสีที่ช่วยสร้างบรรยากาศได้หลากหลาย
บ้านหรือที่พักที่มีขนาดห้องนอนไม่ใหญ่มาก สามารถเลือกใช้โทนสีที่สว่าง เพื่อช่วยให้ห้องดูโปร่งและดูมีมิติที่กว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับการเลือกสีโทนมืด เพราะจะทำให้ห้องนอนดูแคบลง
แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ต้องการให้ห้องนอนดูกว้างขึ้น สามารถเลือกใช้โทนสีที่สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นได้ เช่น สีเขียวเข้ม สีน้ำตาลสนิม แล้วใช้การตัดด้วยสีโทนขาวในบางจุด เพื่อลดความทึบของห้องลง
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ในการเลือกโทนสีสำหรับห้องนอน
หลังจากที่ได้รู้เทคนิคการเลือกโทนสีห้องนอนกันไปแล้ว มาต่อกันกับสิ่งที่ต้องระวังในการเลือกสีให้ห้องนอน ที่จะช่วยให้คุณไม่เสียเวลา และเสียเงินจากการเลือกสีที่ผิดพลาด
เลือกใช้โทนสีเยอะเกินไป
บางบ้านมีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ หรือของตกแต่งที่มีสีสันสดใสเข้ามาในห้องนอนอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากเลือกโทนสีของผนังห้องให้สดใสชนกับของตกแต่งอีก ก็จะยิ่งทำให้ห้องดูมีบรรยากาศที่กระตุ้นให้กระตือรือร้นมากเกินไป ไม่เหมาะกับการพักผ่อน
ถ้าหากมีของตกแต่งหลากสีอยู่แล้ว ก็ให้เลือกสีห้องนอนที่เป็นโทนสีกลาง และปล่อยให้ของตกแต่งทำหน้าที่สร้างความสวยงามให้กับห้องนอนเป็นหลักแทน
เลือกใช้โทนสีที่ทำให้ห้องดูน่าเบื่อ และไม่น่านอน
หากคุณเลือกโทนสีห้องนอนเป็นสีโทนกลาง อย่างสีขาวหรือสีเทา แต่กลัวว่าห้องนอนจะทำให้รู้สึกน่าเบื่อ สามารถเลือกใช้กฎการคุมโทนสีห้องด้วย 60:30:10 โดยแต่ละตัวเลขมีความหมายดังนี้
- โทนสี 60% ของพื้นที่ในห้องนอน มาจากผนังห้องที่เป็นสีโทนกลาง
- โทนสี 30% ของพื้นที่ในห้องนอน มาจากสีของพื้น ขอบหน้าต่าง วงกบ ซึ่งอาจจะเป็นสีโทนอุ่นหรือโทนเย็นตามความต้องการ
- โทนสี 10% ของพื้นที่ในห้องนอน มาจากสีของตกแต่งภายในห้องนอน เช่น โคมไฟ กรอบรูป ที่อาจเป็นสีที่มีความโดดเด่นสะดุดตา จะช่วยให้ห้องมีมิติมากยิ่งขึ้น ลดความน่าเบื่อ และเพิ่มบรรยากาศให้น่าพักผ่อน
ไม่เปิดใจให้กับการเลือกใช้โทนสีใหม่ๆ
หลายคนกลัวว่าจะเลือกสีห้องนอนที่พลาด ทำให้ต้องมาเปลี่ยนสีทีหลัง เสียทั้งเงินและเวลาใหม่อีกรอบ จึงตัดสินใจเลือกใช้สีที่ตัวเองชอบไปเลย ซึ่งบางสีที่เลือกมาใช้นั้นอาจมีความฉูดฉาดมาก ไม่เหมาะกับห้องนอน เช่น สีสะท้อนแสงต่างๆ ทำให้สีสันเหล่านี้รบกวนการพักผ่อนของคุณได้
ทางที่ดีที่สุด นั่นคือ การเปิดใจให้กับโทนสีใหม่ๆ บ้าง โดยอาจจะเริ่มจากสีที่ชอบ และค่อยไล่ความอ่อนของเฉดสีลง จะช่วยให้ห้องของคุณสวยงามมากย่ิงขึ้น และส่งผลดีต่อคุณภาพของการพักผ่อนด้วย
โทนสีที่สวยที่สุดสำหรับห้องนอน คือโทนสีที่ช่วยให้พักผ่อนได้เต็มที่
ในการออกแบบตกแต่งห้องนอน นอกจากการเลือกเตียงนอน และเครื่องนอนที่สบายแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นคือ การเลือกโทนสีห้องนอน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การทำให้ห้องนอนออกมาดูสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศให้กับพื้นที่พักผ่อนได้อย่างเต็มที่
และไม่ว่าจะเลือกสีโทนไหนให้กับห้องนอนของคุณ ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการให้ห้องนอนสร้างบรรกาศแบบไหน ที่เหมาะกับการพักผ่อนของคุณมากที่สุด